เจอร์เกน คอปป์กุณซือชาวสวีเดนส์ได้นำทีมลิเวอร์พูลได้แชมป์ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ชิพครั้งที่ 6 ที่สนามวานดาเมโทรโพลิทาโน่ในมาดริด โดยเป็นการปะทะกันระหว่างท็อตแนมกับลิเวอร์พูลนั้น และเป็นหงส์แดงที่เก็บชัยชนะได้โดยจบเกมด้วยสกอร์ 0-2 ประตู โดยหลังจากเริ่มเกมได้เพียง 106 วินาทีเท่านั้นดาวเด่น
อย่างโมฮาเหม็ดซาลาห์ได้สังหารจุดโทษและขึ้นเป็นประตูแรกให้กับลิเวอร์พูล และหลังจากนั้นในนาที 87 ดิวอคก์ โอริจิผูที่หงส์แดงเปลี่ยนตัวเข้าเกมก็ได้ทำประตูที่สองให้กับหงส์แดง
การเข้าสู่นัดที่สองของพวกเขากับบาร์ซ่าลิเวอร์พูลนั้นเสียเปรียบอย่างมาก พวกเขากลับมาด้วยสกอร์ 3-0 หลังทีมที่มีไลโอเนลเมสซี่ แอนฟิลด์รู้สึกหนักใจว่าในการแข่งขันในขณะที่หงส์แดงไม่มีผู้เล่นคนสำคัญอย่างโมฮาเหม็ดซาลาห์ การชนะของพวกเขาเป็นปาฏิหาริย์หากไม่ใช่เพียงครั้งเดียว ดิวอคก์ โอริจิผู้เริ่มเกมด้วยเวลา 7 นาทีโดยเพื่อเป้าหมายที่วางไว้แต่ครึ่งแรกไม่ได้เป็นไปอย่างที่ลิเวอร์เวอร์พูลคาดหวังไว้
มันจะไม่ใช่จนกว่าหลุยส์ซัวเรซได้รับบาดเจ็บ และแอนดี้ โรเบิร์ตสันกลาวว่าการที่ลิเวอร์พูลเปลี่ยนตัวจอร์จิโอ วิจนัลดัม เข้านั้นมีความสำคัญมากเนื่องจากวิจนัลดัมยิงได้ถึง 2 ประตูในเวลาเพียง 122 วินาที ซึ่งในช่วงเวลานั้นบรรยากาศในแอนฟิลด์เปลี่ยนไปและแฟน ๆ ลิเวอร์พูลก็ชื่นชมด้วยความยินดีที่พวกเขาไม่ได้มีความหวังตั้งแต่เริ่มการแข่งขันโดยในนาทีที่ 79 เทรนต์อเล็กซานเดอร์อาร์โนลด์เห็นช่องว่าและเปิดเปิดบอลให้กับโอริจีทำประตูอีกเพิ่มอีกเป็น 4-0 ทำให้พวกเขาเป็นผู้นำและรักษาตำแหน่งในมาดริด
พวกเขาอาจจะไม่ชนะในฤดูกาลนี้ แต่ทีมของกุณชืออย่างเมาริซิโอโปเชตติโน่มีฤดูกาลที่น่าเหลือเชื่อ อีกทั้งทีมการคุมทีมของกัปตันฮูโก ลอล์ริสก็มีผลงานดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุก ๆ เกม ในเกมกลุ่มที่ 4 พวกเขาอยู่ห่างออกไป 12 นาทีจากการแข่งขันหากไม่ใช่เพราะแฮร์รี่เคนในเกม PSV และในนัดถัดไปพวกเขาปะทะอินเตอร์มิลานและห่างจากทางออก 10 นาทีหากไม่ใช่เพราะคริสเตียน อีริคเซ็นและเขาก็จะเป็นผู้ชนะในท้ายที่สุด
พวกเขาสามารถทำได้ใน 16 ครั้งสุดท้ายและต้องขอขอบคุณลูคัสมูร่าที่ทำให้เปิดประตูเท่ากันในนาทีที่ 85 กับบาร์เซโลนา เมื่อพวกเขาก้าวเข้าสู่เกมในรอบคัดเลือกก็ไม่ยอมแพ้กับท็อตแนม พวกเขาก้าวไปข้างหน้าโดยไม่มีแฮร์รี่เคนกองหน้าดาวเด่นของพวกเขา การปะทะกันของพวกเขากับอาแจ็กซ์นั้นน่าประหลาดใจเช่นกันเมื่อเมาร่าได้ตีตั๋วเข้าแข่งที่ มาดริด
บรรยากาศที่สนามวานดาเมโทรโพลิทาในมาดริดที่หน่าแน่นก่อนที่จะเริ่มการแข่งขันยูฟ่าแชมเปี้ยนลีก 2019 ซึ่งเป็นการพบกันของท็อตแนมฮอทสเปอร์กับลิเวอร์พูลถือเป็นช่วงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของวงการฟุตบอล ทั้งนี้ยังมีความตื่นเต้นของแฟน ๆ ในการแข่งขันนี้โดยมีแฟนบอลเข้าชมมากกว่า 63,000 คนในสนามกีฬากรุงมาดริดสและถือเป็นเกมที่ยื่งใหญ่อีกเกมด้วย
การแข่งขันเริ่มต้นด้วยความน่าตื่นเต้น โมฮัมเหม็ดซาลาห์ยิงจุดโทษล่วงจากการที่ทำแฮนด์บอลของ Moussa Sissoko ซึงทำพยายามสะกัดกั้น Sadio Mané ทำให้หงส์แดงขึ้นนำก่อน 1-0 ในช่วงแรกของรอบชิงชนะเลิศ นอกจากนี้ยังเป็นการทำประตูที่เร็วที่สุดเป็นอันดับสองในรอบชิงชนะเลิศด้วย ท็อตแน่มครองบอลบอลในช่วงครึ่งแรกของเกมมากกว่าแต่พวกเขาก็ไม่สามารถใช้โอกาสในการทำประตูได้
ในขณะเดียวกันลิเวอร์พูลมีโอกาสในบางครั้งแต่เล่นด้วยความระมัดระวังแม้จะเป็นผู้นำอยู่ หงส์แดงมีลูกเตะมุมประมาณหกลูก แต่ไม่สามารถทำประตูเพิ่มได้ ทั้งสองทีมรักษาเกมของตัวเองโดยไม่มีการเสียประตูในช่วงครึ่งแรก การแข่งขันดำเนินไปด้วยดีจนช่วงนาทีที่ 18 เมื่อผู้บุกรุกสนามจึงหยุดการแข่งขันชั่วคราว
ลิเวอร์พูลมีโอกาสทำประตูได้มากกว่าในครึ่งหลังของเกม เจมส์มิลเนอร์ได้ยิงแต่โชคดีสำหรับฮ็อทสเปอร์เพราะยิงไม่เข้าประตู การเปลี่ยนตัวเป็นส่วนสำคัญมากในนาทีที่ 60 โดย Klopp เปลี่ยนใช้งาน Divock Origi แทน Roberto Firmino ด้านของท็อตแนมเมาริซิโอโปเชตติโน่ได้เปลี่ยนตัวลูคัสมูร่าลงแทนแฮร์รี่วิงค์ จากนั้นท็อตแนมเริ่มโจมตีมากขึ้นในช่วงครึ่งหลัง พวกเขามีโอากาสได้ยิงเป็นจำนวนมากอย่างไรก็ตามมันก็เปิดโอกาสในการตอบโต้การโจมตีให้กับลิเวอร์พูลมากมายเช่นกัน ลิเวอร์พูลยังเป็นผู้นำและในนาทีที่ 87 โอริกิสามารถทำคะแนนจากเขตโทษได้ จึงพาพวกเขาได้ถ้วยยุโรปครั้งที่ 6 และเป็นครั้งแรกภายใต้การจัดการทีมของ Klopp ด้วย
รอบชิงชนะเลิศของฤดูกาลของแชมเปี้ยนส์ลีกนี้ถูกสร้างขึ้นอย่างน่าทึ่งโดยทั้งสองทีมได้ลงสนามในมาดริด ในฐานะแฟน ๆ มันรู้สึกหวานอมขมกลืนในขณะที่ทั้งคู่รู้สึกเหมือนเป็นงานที่ยากในการเอาชนะ ถึงกระนั้นผู้ชนะจะต้องได้รับการยกย่อง แต่ไม่ว่าผลลัพธ์เป็นได้เพียงทีมใดทีมหนึ่งเท่านั้นแต่พวกเขาก็เป็นทั้งสองทีมที่เข้ามาสู่รอชิงชนะเลิศได้